ยอดวิว Visit

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2561

การขายทุเรียนของ แจ็ค หม่า


กลายเป็นว่า ที่เป็นห่วงเรื่องทุเรียนน่ะเป็นเรื่องตลกค่ะ 

ในตอนแรก คุณแม่ไอที ก็เป็นห่วงว่า แจ็คหม่า ขายทุเรียนหมอนทองผ่านเว็บไซต์ของเขาได้ 80,000 ลูกใน 1 นาที เขาขายในราคา 990 บาทสำหรับขนาด 5 กิโลกรัม 

คุณแม่ไอที เป็นห่วงว่า ทางไทยจะส่งทุเรียนให้เขาทันมั้ย ส่งของดีให้เขาไหม แต่คิดผิดถนัดค่ะ ตามข่าวแล้ว ไม่ใช่ว่า เขาไม่ได้เตรียมการอะไรเลย 

เรื่องจริงคือว่า มีการซื้อทุเรียนไปบ่มไว้แล้ว จากนั้นค่อยปล่อยขาย อันนี้ก็คือ เขาวิเคราะห์ตลาดแล้ว ว่า เป็นของที่ขายได้ ขายดี

จากนั้น ก็มาเซ็นสัญญากับไทย ให้ไทยหาส่งให้อีกในปริมาณมาก ไม่ธรรมดานะ แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ เพราะอะไร 

ก็เพราะ หม่า มี market place มาเก็ตเพลส   ที่ทรงอิทธิพลในมือ แต่ก่อนที่เขาจะมีสิ่งเหล่านี้ ก็ไม่ได้ง่ายนะ เขาต้องผ่านอะไรมามากมาย ซึ่งเราก็สามารถหาอ่านได้มากมายใน google

คราวนี้ก็ลองมองดูตัวเราเอง
- มาเก็ตเพลสของไทย มีมั้ย ที่จะสามารถทำได้แบบ หม่า มีหรือยัง ถ้ายังไม่มี ทำไม เพราะอะไร และใครที่ควรจะเป็นคนทำให้มี มันยากเย็นมากมายเชียวหรือ หรือว่าเราขาดสิ่งใด จึงทำให้ไม่สามารถมีได้ 

- เราเป็นเจ้าของทรัพยากรที่เป็นของดี ของขายได้ แต่ทำไมเราขายไม่ได้ ขายไม่เป็น และเป็นอย่างนี้มานาน หรือจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป ไทยเราจะไม่มีคนแบบ หม่า , มาร์ค , บิลเกต สักคนเลยหรือ

จะปรับตัวอย่างไร  กับ Change หรือการเปลี่ยนแปลง ที่กำลังคืบคลานเข้ามา ซึ่งเราสามารถมองสถานการณ์การเข้ามาของ แจ็คหม่า ได้เป็น 2 แบบ
- เป็นโอกาส มองว่ามันเป็นโอกาสในการที่ชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร SMEs และอื่นๆ จะมีโอกาสได้เข้าถึงตลาดการค้าระดับโลก ที่มีปริมาณลูกค้าทั่วโลกมองหาสินค้าไทยที่มีคุณภาพ

- เป็นภาวะคุกคาม การเข้ามาของแจ็คหม่า คงไม่ได้ทำให้สินค้าไทยขายไปได้ทั่วโลกอย่างเดียว แต่ก็จะมีสินค้าจากจีนหลั่งไหลเข้ามาด้วย ดังนั้นใครที่เคยสั่งของจากจีนเข้ามาขาย ก็จะต้องเจอคู่แข่งที่เป็นเจ้าของและผู้ผลิตตัวจริง ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันในด้านราคา ดังนั้นพ่อค้าไทยก็จะต้องปรับตัวให้ทันท่วงที

เตรียมรับมือให้ดี
- ผู้บริโภค
- นายหน้า
- พ่อค้าคนกลาง
- dropshiper
- ผู้ผลิต
- ขนส่ง
- โกดัง
- คนแพ็ค
- ข้าราชการ
- ร้านค้า
- marketplace ไทยและเทศ
- ประชาชน
- ภาคก่อสร้าง
- อื่นๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น