ยอดวิว Visit

วันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561

ไดอารี่คุณแม่ไอที 2.01.2018ภาคแรก

วันที่ 31 ธันวาคม 2560 ได้ไปวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เพื่อสวดมนต์ข้ามปี ก็มีหลายอย่างที่อยากจะบันทึกไว้ และเล่าให้ฟัง



เราเข้าไปทางที่สะดวกที่สุด คือ ขับรถไปตามถนนมิตรภาพ ก่อนจะถึงตัวเมืองอุดร จะมีป้ายขนาดใหญ่ว่า ให้เลี้ยวซ้ายไปวัดป่าบ้านตาด ขับเข้าไปก็จะผ่านตลาดสด เลยแวะกินบะหมี่คนละชาม เพราะตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็็น ใจคิดว่าเตรียมตัวให้พร้อม เพราะที่วัดคงไม่มีอะไรให้กินได้ นอกจากน้ำปานะ ถึงสามแยก

ที่สามแยกนั้น ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปภูฝอยลม ถ้าเลี้ยวขวาจะเข้าวัดป่าบ้านตาด อ้อ คนที่ไม่เคยไปอาจจะงงนะคะ เพราะป้ายจะเขียนว่าไปพระมหาเจดีย์ นั่นแหละค่ะ คือทางเข้าวัดให้เลี้ยวขวาเข้าไปเลย

ตอนจะเลี้ยวขวาให้ระมัดระวังมากๆ เพราะอาจจะมีรถสวนออกมาจากกำแพงพระมหาเจดีย์ เมื่อเข้าไปแล้วจะเห็นว่ากำลังมีการก่อสร้างพระมหาเจดีย์อยู่ทางด้านขวามือ

ขับไปอีกนิด ก็จะเจอพิพิธภัณฑ์หลวงตามหาบัว จากนั้นจะเจอประตูทางออกก็ขับออกไป ชลอ แล้วหยุดรถอีกครั้ง เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าประตูวัดค่ะ เมื่อผ่านประตูวัดแล้ว ให้เลี้ยวซ้าย และก็หาที่จอดรถได้เลยค่ะ

เราเลือกจอดใกล้ๆกับศาลาสวดมนต์ เราก็เข้าไปกราบพระในศาลา และกราบอัฐิหลวงตาซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน จากนั้นก็เดินสำรวจ พบว่า มีโรงทานก๋วยเตี๋ยว เลยจัดคนละชาม เพราะเมื่อกี๊กินบะหมี่ไม่อิ่ม ก๋วยเตี๋ยวอร่อยมาก เจ้านี้เป็นโรงทานที่ทำโดยทางวัด โดยคุณแม่ชุดขาวได้บอกว่า ไม่ต้องไหว้ขอบคุณแม่หรอก ให้ขอบคุณหลวงตาเถิด ท่านเป็นผู้ให้ เราก็เลยสาธุขอบคุณทั้งคุณแม่ชุดขาว ทั้งหลวงตา

เราถือก๋วยเตี๋ยวมานั่งกินอยู่ขอบศาลา คนอื่นๆก็ทำคล้ายๆกัน มีหมา 4-5 ตัววิ่งป้วนเปี้ยนอยู่ แต่ก็ไม่ได้รบกวนอะไร

สังเกตเห็นมีคนแก่ผู้ชายจะนั่งคุยกันอยู่แถวหน้าสุด ใกล้ๆพระพุทธ และคนแก่ผู้หญิงเป็นคนส่วนมากที่มาสวดมนต์โดยกลุ่มนี้จะจับจองด้านหน้าๆ ถัดจากคนแก่ชาย มีการเตรียมผ้าห่ม เสื่อ เต๊นท์ วางไว้ใกล้ๆที่ตัวเองนั่ง

นอกนั้นก็จะนั่งกระจัดกระจาย อยู่ทั่วศาลา ไม่มีการบังคับ ดูทุกคนสบายๆ เป็นธรรมชาติ บางคนก็ปูเสื่อนอนรอ บางคนก็เดินจงกรม บางคนก็นั่งสมาธิ บางคนก็คุยกัน ตามอัธยาศัย

เราก็ถามคุณยายท่านหนึ่งว่า สวดมนต์ตอนไหน ก็เราไม่เคยมาก็ต้องถามเนาะ ท่านตอบว่า เริ่มทุ่มนึง แล้วเสร็จตอนไหน ก็รอบแรกเสร็จตีหนึ่ง แล้วก็รอบสองตีสี่ถึงตีห้า

เราก็คิดในใจโหโหด แต่ก็เอาวะ ตั้งใจไว้แล้วนี่นา สักพักก็เริ่มมีโรงทานทยอยกันมา มีโจ๊ก ข้าวเหนียวดำเปียก และโอเลี้ยง คือเราก็กำลังมองหากาแฟเพราะกลัวง่วง เลยจัดโอเลี้ยงแทน

กินเสร็จเราก็ไปเลือกที่ที่อยากจะนั่ง เราเลือกนั่งริมๆหน่อย เพราะวางแผนว่าจะนอนตรงนี้เลยหลังสวดมนต์เสร็จ และจะได้ลุกไปเข้าห้องน้ำสะดวกๆ

เราก็ปูเสื่อและใช้ผ้านวมปูทับอีกหนึ่งชั้นเพื่อให้นั่งได้นานหน่อย เอาหมอน(เอามาเอง)มาวางหนังสือสวดมนต์ หนังสือสวดให้เราเดินไปหยิบในกล่องพลาสติคใบใหญ่เอง วางไว้แถวๆด้านหน้าของศาลานะคะ

หนังสือสวดมนต์นี้เมื่อเปิดไปหน้าแรก ก็จะมีข้อความเขียนว่า สามารถนำไปพิมพ์เผยแพร่โดยไม่ต้องขออนุญาต คือใครอยากเอาไปสำเนา ไปพิมพ์ก็สามารถทำได้เลย

ประมาณหนึ่งทุ่มหลวงตาก็ลงมาที่ศาลา และเริ่มการพาสวด ท่านกล่าวว่า วันนี้เราจะสวดมนต์กันแบบเอาเป็นเอาตายเลยนะ บรรดาสาธุชนก็หัวเราะกันใหญ่ ก็เริ่มสวดตามบทการทำวัตรเย็น ไล่ไปเรื่อยๆ อาจมีการข้ามไปมาโดยหลวงตาจะบอกว่าพลิกไปหน้านั้นหน้านี้ ระหว่างการสวดก็มีสาธุชนทยอยเข้ามาเพิ่มมีทั้งคนหนุ่มสาว วัยรุ่น มาเป็นครอบครัวมีลูกเด็กเล็กแดงมาด้วยก็มีจนเต็มศาลา

สวดจนกระทั่งถึง 4 ทุ่มครึ่ง หลวงตาเลยให้หยุดพักครึ่งชั่วโมง ก็พากันไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำก็สะดวกสบายเพียงพอมีเยอะมีหลายมุม น้ำท่าสมบูรณ์ดี จากนั้นบรรดาอภิมหาโรงทานก็มาตั้งกันอย่างเยอะ มีกาแฟร้อน กระเพาะปลา

อ่านต่อภาคสอง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น