ยอดวิว Visit

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ยุทธศาสตร์นิวนอร์มอลของไทย2558

ดูเหมือนว่าทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสรุปแล้วว่าโอกาสที่จีดีพีของประเทศไทยจะกลับมาขยายตัวในระดับเกิน 3% เริ่มจะยากเย็นยิ่งขึ้นเพราะการส่งออกซึ่งคิดเป็น 70% ของมูลค่าจีดีพีท่าทางจะถอยถาวร ไม่มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นตัวดันตัวเลขจีดีพีให้ขยายตัวอย่างสบายๆ เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

รัฐบาลจะต้องมองหาหัวจักรดันเศรษฐกิจใหม่ และต้องลงมือทำทันทีเพราะการส่งออกเริ่มถอยรูดไม่เป็นท่าแบบไม่มีเบรกแล้ว ส่วนจะหวังพึ่งการส่งออกสินค้าเกษตรก็เจอผลพวงจาก นิวนอร์มอล ของจีนที่ทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำทั่วโลก แถมยังเจอภัยแล้งจากซูเปอร์เอลนิโญที่จะลากยาวไปถึงกลางปีหน้า

ผมคิดว่า หลังจากที่ทีมเศรษฐกิจภายใต้การนำของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ปูพรมหว่านเงินลงไปช่วยรากหญ้าและเอสเอ็มอีเป็นแสนล้านบาทแล้ว จะต้องรีบเร่งขับเคลื่อนเครื่องจักรเศรษฐกิจตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ทั้งด้านถนน ระบบรางและสนามบิน หรือโครงการดิจิตอล อีโคโนมี โดยมีเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางของโครงข่ายคมนาคมและโทรคมนาคม ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแผ่นดินใหญ่ของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

หลังจากเรื่องเมกะโปรเจ็กต์ ทางด้านคมนาคมและโทรคมนาคมซึ่งไม่น่าจะทำได้เร็วแล้ว เรื่องต่อไปที่ผมคิดว่าทีมเศรษฐกิจควรจะให้ความสนใจ คือการเร่งให้มีการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ทั้งพลังชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมซึ่งน่าจะทำได้เร็วกว่าเมกะโปรเจ็กต์ทั้งหลาย

การพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการน้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซและไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นปัญหาทางด้านความมั่นคงที่รัฐบาลไม่ควรละเลย นอกจากนั้นประเทศไทยยังมีปัญหาไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าโดยใช้พลังงานปิโตรเลียมได้ง่ายๆ เพราะมีการต่อต้านจากชาวบ้านตลอดเวลาและยังเป็นต้นเหตุให้โลกร้อนด้วย

สิ่งที่ทำได้ทันทีคือการเพิ่มปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งนอกจากจะทำให้ประเทศไทยพึ่งพาตัวเองได้ทางด้านพลังงานไฟฟ้าในระดับหนึ่งแล้วยังเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนจำนวนมากทั่วประเทศ เป็นเครื่องจักรอีกตัวที่สามารถทำให้เศรษฐกิจในประเทศคึกคักขึ้นมาได้

การสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ จะช่วยสร้างงานและรายได้ให้กับคนจำนวนมาก ทั้งเจ้าของสถานที่ขนาดใหญ่ของเอกชน และราชการ เจ้าของที่ดินที่ทำเกษตรแล้วได้ผลตอบแทนน้อย คนอีกจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์ บริษัทก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง วิศวกร คนงาน ชาวบ้านรวมทั้งสถาบันการเงินที่ให้บริการทางการด้านเงินกับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ส่วนพลังงานไฟฟ้าจากชีวมวล จะช่วยให้สร้างงานในระดับหมู่บ้านและทำให้มีการใช้ประโยชน์ ทรัพยากรธรรมชาติให้มีประโยชน์สูงสุด

ปัญหาอย่างเดียวของการลุยโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งประเภทโซลาร์รูฟและโซลาร์ฟาร์ม คือการนำเข้าโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องซึ่งไม่ต่างอะไรจากการซื้อน้ำมันจากต่างประเทศ แต่ปัญหานี้เราแก้ได้ด้วยการสนับสนุนให้มีการลงทุนสร้างโรงงานผลิตโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ในประเทศไทย นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นให้สถาบันการศึกษาในประเทศเร่งวิจัย คิดค้นเทคโนโลยีการผลิตอุปกรณ์โซลาร์เซลล์ และแบตเตอรี่ หรือเทคโนโลยีอื่นในการนำแสงอาทิตย์มาผลิตไฟฟ้าได้ในต้นทุนที่ถูกลง

การกระตุ้นให้สถาบันการศึกษาในประเทศเร่งวิจัย เกี่ยวกับเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์จะนำไปสู่การประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์ วัสดุและเทคโนโลยีใหม่อีกมากมาย ที่หากประเทศไทยเป็นผู้นำในด้านนี้จะทำให้เป็นสินค้าออกที่มีมูลค่ามากกว่าสินค้าเกษตรหลายเท่าตัว

ถ้าต้องการมองหาหัวจักรดันเศรษฐกิจตัวใหม่ผมขอเชียร์ การผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และชีวมวล น่าจะทำกันอย่างใหญ่โตและจริงจัง มากกว่าจะทำเป็นงานของกระทรวงเดียวแบบกะปริบกะปรอยหรือจ้องหาประโยชน์จากการปล่อยใบอนุญาต อย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3092 วันที่ 1 – 3 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น